สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย
กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Nature Stock วิเคราะห์หุ้นแบบสไตล์ธรรมชาติ
กันอีกครั้งนะครับ
วันนี้ เรามาพบกับหุ้นที่ มาแรงมากๆตัวหนึ่ง ประดุจพระเอกหน้าใหม่ในวงการบันเทิง
เจมส์ จิรายุ วัย 19 ขวบ ที่รับบทคุณชายพุฒิภัทร ในละครเรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ
จึงทำให้ผมต้องเร่งหาข้อมูลมาให้ พวกเราชาวนักลงทุนได้เสพย์ได้อ่านกัน
เผื่อว่าดีมากๆ อาจจะหาจังหวะเข้าทำคะแนนกันก็ได้นะครับ
หุ้นตัวนั้นก็คือ BROOK บริษัทบรุ๊คเกอร์กรุ้ป จำกัด มหาชน
บริษัทนี้หลักๆก็ทำหน้าที่เกี่ยวกับเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน หาแหล่งเงินทุนนะครับ
โดยหลังๆก็มีการขยายงานไปทางซื้อขายอสังหาริมทรัพย์บ้าง
ได้รายรับจากการเป็นนายหน้าบ้าง แต่ไม่สุดครับเล็กๆน้อยๆ
หลักๆก็มาจาก Core Business ทางด้านเป็นที่ปรึกษาธุรกิจและการเงินนั้นแหล่ะ
โดยมีเจ้าของบริษัท นามสกุลดัง เศรษฐีเมืองไทย "บูลกุล" บริหารงานอีกแล้วครับท่าน
เอิ่ม...(ไม่ใช่พระราม9คาเฟ่นะ อิอิ)
จากการค้นคว้าวิจัยของผมพบว่า
Brook นั้น มีความสามารถพิเศษที่แปลงร่างบริษัทที่กำลังจะล้มหายตายจากไปจาก Set Index
กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ดังผีเสื้อโบยบิน ว่ากันแล้ว งานที่เค้าทำคือ คุณหมอ นั่นเอง แต่เป็นหมอรักษา
ธุรกิจ กิจการต่างๆ ด้วยไม่ว่าจะสารพัดวิธีการ ของคนเป็นหนี้หนัก อาการที่มาถึงเรียกได้ว่าร่อแร่แล้ว
รอแอตมิตอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างของหนี้ การประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ การเจรจาต่อรอง
หนี้ การเจรจาต่อรองการพักหนี้ หรือการชะลอการชำระหนี้ ตรวจสอบคุณภาพของกิจการ
เปรียบเสมือนการวินิจฉัยโรค เสร็จแล้วก็ให้ยา ด้วยการหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆให้ ซึ่งแหมๆ ใครมันจะไป
อยากให้เงินคนที่เป็นหนี้หนักมากยืมล่ะ ? ที่เค้าให้มานะเค้าเชื่อใจหมอ เอ้ย Brook ก็อย่างว่าคนเครดิตดี
ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด (บูลกุล)
หลังจากที่อะไรต่อมิอะไรดีขึ้น อาการดีขึ้น อ้ะ!! ลืมไปเรามันจน เรามันหนี้เยอะนี่นา เราจะเอา
อะไรไปจ่ายค่ารักษากับคุณหมอเทวดา แห่ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ล่ะนี่ เอาว่ะ แจกหุ้นก็ได้ว่ะ นั่นคือ
ที่มาของกำไรมหาศาลที่จะได้รับทางบัญชี หุ้นเน่าที่หากเทิร์นอะราวด์ขึ้นมา ราคาจะพุ่งขึ้นติดลมบนฟ้า
ดุจพญานกฟินิกซ์ทะยาน นั่นเป็นที่มาของรายรับ ที่ควอเตอร์ 1 ปี 2556 เพิ่มขึ้นกว่า 388 เปอร์เซ็นต์เมื่อ
เปรียบเทียบกับปี 2555 จาก 112 ล้านบาท เป็น 548 ล้านบาท
ส่วนบริษัทที่เอาเงินมาให้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ดีกว่าเหลาเจ๊งอ่า GJS กับ GSTEL
นั่นเอง แค่ค่าตอบแทนงวด5 พี่GSTEL จ่ายมา 368 ล้านหุ้น หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นตัวเงินเหนาะๆ
ก็ 184 ล้านบาทเอง แต่ได้เป็นหุ้นอ่ะ ทำไมล่ะก็ไม่มีเงินจ่ายค่าหมออ่ะ เอามะพร้าวที่สวนไปก็ละกัน
ประเด็นอยู่ที่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มะพร้าวราคาแพงขึ้นมา หุ้น BROOK ก็จะวิ่งไปข้างหน้าเช่นกัน
ยัง ยังไม่พอ
เมื่อเงินสดบริษัทมีมากๆ ไม่ทราบเอาไปทำอะไร พี่บรุ๊คยังเอาไปเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
คือต้นทุนขาย เค้ามีนิดเดียวไงครับ ต้นทุนขายเป็นสมอง เป็นความคิดซะส่วนใหญ่
ดังนั้นกำไรมาก็เหลือเก็บเป็นเงินสดล้วนๆ รวย อ่ะ ว่ากันง่ายๆ เป็นถึงหมอเทวดาก็ต้องรวยสิเธอ
ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนที่สนใจในหุ้นตัวนี้ จะต้องจับตามองกันต่อ คือ งบการเงิน GJS และ GSTEL
อารมณ์ประมาณ ผมรวย หมอก็รวย และภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นตัวแปรหลักๆ กับความร่ำรวยของ
นักลงทุนและหากจะมองกันในระยะยาวแล้ว ก็ต้องดูต่อไปอีกว่า จะรับงานรักษาโรคแบบนี้
ให้กับใครอีก ซึ่งหากไม่มีลูกค้าเข้ามาอีก รายรับมันก็จะลดลงในงบการเงินได้ในปีต่อๆไป
ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาดูกันต่อไป
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน หวังว่าทุกท่านคงจะสนุกเพลิดเพลินกับงานเขียนของผม
พบกันใหม่ตอนต่อไป สวัสดีครับ
ชอบมากค่ะ
ตอบลบ