จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ITD หุ้นรับเหมารายใหญ่ เฉิดไฉไลจริงหรือ ?




ในสมัยประมาณปี พ.ศ.2499  ยุคที่อันธพาลได้ครองเมือง
และวัยรุ่นชายนิยมพกหวีไว้ในกางเกงนั้น
การขนส่งที่นิยมใช้กันยุคนั้นก็คือทางน้ำ พาหนะยอดฮิตก็คือเรือสินค้า

และก็ได้มีชายผู้หนึ่ง อาสาช่วยญาติของเขา ทำธุรกิจสัมปทานกู้เรือ ร่วมกับชาวอิตาลี
จนกิจการไปได้ดิบได้ดี  ขยับขยายจากเล็กไปใหญ่ ตั้งชื่อบริษัทว่า อิตัลไทย




จนเมื่อราวปี 2520 ชาวอิตาลีได้เสียชีวิตลง ทุกอย่างเลยตกอยู่ในกำมือของคนไทย
และทำกิจการหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือรับเหมาก่อสร้าง

สมัยก่อนบริษัทอิตาเลียนไทย มักรับงานเอกชน มากกว่างานก่อสร้างของรัฐ ในสัดส่วน 60 : 40

พอเกิดวิกฤตปี 40 จึงหันมารับงานก่อสร้างของภาครัฐมากขึ้น น่าจะเข็ดกับยุคฟองสบู่
ปัจจุบันลูกค้ารายใหญ่ของอิตาเลียนไทย   ต่อไปขอเรียกว่า ITD. 
จึงผูกกับงานโครงการของภาครัฐ และ รัฐวิสาหกิจเกือบ 90% ของมูลค่างานทั้งหมด

งานของ ITD นั้นมีหลากหลายประเภทงานมาก ซึ่งบริษัทเค้าก็แบ่งประเภทงานก่อสร้างออกมา
ได้  9  สายงาน คือ


1. งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน  อาคารชุด  ตึกสูง  และโรงแรม
2. งานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
3. งานวางท่อระบบขนส่งน้ำมัน,แก๊สและน้ำ ท่อร้อยสายไฟใต้ดินและถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่
4. งานก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน  ทางรถไฟ งานทางรถไฟความเร็วสูง งานทางวิ่ง งานสถานี
    งานวางราง และงานระบบรถไฟฟ้า  สะพาน และระบบทางด่วน
5. งานก่อสร้างสนามบิน ท่าเรือ และงานทางทะเล
6. งานก่อสร้างเขื่อนอเนกประสงค์  อุโมงค์   และโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า
7. งานด้านโครงสร้างเหล็ก
8. งานด้านระบบการสื่อสารและโทรคมนาคม
9. งานด้านการพัฒนาเหมืองแร่และถ่านหิน

โครงสร้างรายได้ของบริษัทในแต่ละสายงาน







































จะเห็นได้ว่ารายได้หลักๆของบริษัท จะมาจากแค่ 4-5 กลุ่มเท่านั้น
เรียงตามลำดับสายงานที่ทำรายได้ จากมากไปน้อยดังนี้

1) ก่อสร้าง ถนน ทางรถไฟ ทางด่วน    สัดส่วน 26.25%
2) โครงการจัดกลุ่มไม่ได้                    สัดส่วน 17.54%
3) ก่อสร้างอาคาร คอนโด โรงแรม       สัดส่วน 15.19%
4) วางระบบท่อน้ำมัน แก๊สฯลฯ            สัดส่วน 13.14%
5) สนามบิน ท่าเรือ ทะเล                    สัดส่วน 10.89%

รวม 5 ข้อ มีสัดส่วนรายได้มากกว่า         83%

ITD มีบริษัทย่อยมากมายหลายสิบบริษัท แต่ที่ทำเงินเข้ามาสู่บริษัทแม่ในปีที่ผ่านมานั้น
มีบริษัทหลักๆอยู่3-4 บริษัท  คือ

                 ชื่อบริษัทย่อย                               รายได้(ล้านบาท)                   คิดเป็นสัดส่วน

 1. บจก.ไอทีดี ซีเมนท์เทชั่น อินเดีย                      9,500                                    46 %
 2. บจก. ภูมิใจไทยซีเมนต์                                    1,247                                     6 %
 3. กิจการร่วมค้าไอทีดี ไอทีดี เซ็ม(คอนซอเทียม)    1,222                                   5.8 %
 4. กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ไอทีดี เซ็ม                        1,274                                   6.2 %

ซึ่งกิจการ ที่ทำรายได้เยอะๆ นั้นไม่ใช่ว่าเก่งกาจ เป็นพระเอกกว่ากิจการอื่่นๆ อะไร
แต่เป็นเพราะ มูลค่างานเยอะกว่าก็เท่านั้นเองครับ

ว่ากันง่ายๆ มูลค่างานก่อสร้างเยอะ รายได้ก็เยอะ แค่นั้น........  ง่ายไหมครับ

ฟังดูก็ง่ายมาก แค่รับงานใหญ่ๆยักษ์ๆ รายได้ก็จะเข้ามาเยอะแล้ว
แต่ความยากของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  อยู่ที่การบริหารจัดการมากกว่า
และความเสี่ยงสูงสุด อยู่ที่ปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ต่างหาก

อาทิเช่น ฝนตก  น้ำท่วม  วัสดุขาดตลาด แรงงานหาไม่ได้ - อันนี้ส่งผลต่อระยะเวลา
ซึ่ง  เวลานี่แหล่ะที่สำคัญที่สุด  เพราะทุกสัญญาก่อสร้างมีค่าปรับ...
ปรับจริงและปรับหนัก   ยิ่งงานมูลค่าสูง ค่าปรับก็น่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง

วัสดุขึ้นราคา  อันนี้มีหนาว เพราะตอนประมูลงาน สมมติตอนนั้นเหล็ก กิโลกรัมละ 20 บาท
เศรษฐกิจโลกกลับมาดีขึ้นพอดีสร้างๆอยู่  เหล็กขึ้นราคากลายเป็น กิโลละ 30 บาท ก็มีมาแล้ว



มาดูผลประกอบการกันบ้าง




































จากงบกำไร-ขาดทุน

บริษัท ITD จะมีกำไรขั้นต้นประมาณ 9.3 %
มีต้นทุนทางการเงินประมาณ  5.6 %
เสียภาษีที่ 0.5 %


คือถ้ารับเหมาก่อสร้าง 1 โครงการมูลค่า 100 บาทจะมีกำไรขั้นต้น  9.3 บาท
แต่กำไรจะถูกหักออกไป ประมาณ 6.1 บาท เป็นต้นทุนทางการเงิน เช่น ค่าดอกเบี้ยเงินกู้
หุ้นกู้ เป็นต้น และ ภาษี

ดังนั้นจะเหลือกำไรสุทธิประมาณ  3.2 %

ดอกเบี้ยก็หนักซะเหลือเกิน แบกเกือบจะไม่ไหวอยู่ละ
ใครเป็นเจ้าหนี้ ITD คนนั้นรวย 555+

มุมมอง ส่วนตั้วส่วนตัวของผม  ผมคิดว่า


อิตาเลียนไทยมีข้อเสีย คือ

  1.ไม่เลือกงาน  จริงๆแล้วการไม่เลือกงาน เป็นข้อดีของคน
แต่พอ ออกมาอยู่ในรูปของบริษัท ในโลกธุรกิจ แล้ว มันคือข้อเสียครับ
มันต้องเลือกงานกันบ้าง  โครงการออกมา สมมติ10 โครงการ จะเอาหมดมันก็ไม่ไหวถูกมั้ยครับ

เพราะทรัพยากรหลักๆมันมีจำกัด  ( คนงาน เงินทุน  เครื่องจักร วัสดุ )
หากใครคิดว่าวัสดุมีไม่จำกัด  โรงงานผลิตป้อนไม่ทันก็มีนะครับ ในงานก่อสร้างใหญ่ๆน่ะ

มันต้องเลือกหยิบเฉพาะชิ้นปลามันเท่านั้น

บริษัทที่รับงานโครงการก่อสร้างหลักพันล้านบาท ต่อโครงการ  และยังมีงานอยู่ในมืออีกมากมาย
(ไม่ใช่ว่าไม่มีงานนะครับ)  ทำไมต้องลงไปรับงานก่อสร้างมูลค่าหลัก ร้อยกว่าล้านบาทอีกด้วย
ทั้งที่มันไม่คุ้มค่ากับ ค่าดำเนินการและผลกำไรที่จะได้รับ

สู้เอาแรงงาน ทรัพยากรและเวลาไปทุ่มกับโครงการขนาดใหญ่ แบบเน้นๆ ให้มันมีกำไร
ในโครงการใหญ่ๆ แล้วยอมเจ๊งทิ้งโครงการเล็กๆ ยังจะเห็นผลเป็นรูปเป็นร่าง
และมีประสิทธิภาพมากกว่าอีก

ITD ควรจะรับงานกำไรเน้นๆ  งานที่มีความถนัด รับงานที่บุคลากรเชี่ยวชาญ
ทำในสิ่งที่บริษัทถนัด และสิ่งแวดล้อมเอื้อประโยชน์
ถ้าเปรียบเป็นชกมวย ก็ไม่ต้องแย็ปมาก ปล่อยหมัดฮุค หมัดน๊อคอย่างเดียว

อันไหนไม่ถนัดก็ไม่ต้องไปทำ โอกาสกำไรมันก็ยาก เพราะทำงานที่ไม่ถนัด

2. ทำงานยา่ก   งานยากในที่นี้ ก็คือ โครงการแบบที่ต้องใช้เครื่องมือ
ใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษดำเนินการ
ITD ไม่ควรรับงานยากมาทำเลย เพราะโอกาสมีกำไรจะไม่เหลือ  
ค่าใช้จ่ายจะถูกใช้ไปกับค่าอุปกรณ์ชนิดพิเศษ บุคลากรที่ชำนาญงาน ค่าจ้างแพงๆ
และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

ผมยกตัวอย่างงานยากๆ ให้ดู เผื่อจะได้เห็นภาพนะครับ

งานจ้างเหมาก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำ 115 เควี ไปเกาะสมุย 3500 ล้านบาท
แค่ฟังชื่อโครงการก็ขนลุกแล้ว วิธีการทำงานแบบใต้น้ำ มันคงไม่ง่ายสักเท่าไหร่
แบบนี้จะมีกำไรได้อย่างไร
หรืออีกสักตัวอย่าง
งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง 24000 ล้านบาท ที่ต้องรื้อถอน เสาโฮปเวลล์เก่าด้วย
มีตอม่อเสาคอนกรีตขนาดใหญ่ ที่ทิ้งร้างมาหลายสิบปี ไม่ว่าใครก็ส่ายหัว แต่ ITD เอาครับ

งานแข็งๆทั้งนั้น  เหลือแต่กระดูกๆให้กิน เนื้อนุ่มๆไปไหนหมดไม่ทราบ

เป็นที่มาของอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ ศูนย์กว่าเปอร์เซ็นต์ ในอดีต และเพิ่งเป็น สามเปอร์เซ็นต์ในปี 56
อัตรากำไรสุทธิน้อยมาก เพราะรับประทานแต่เนื้อเหนียวๆ เคี้ยวยาก  ดังภาพ
อ้อ เคยติดลบด้วยแน่ะ..















ITD คือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่กำไร ไม่ค่อยจะใหญ่ตามตัว ตามที่เคยอธิบายไปแล้วข้างต้น

ยังไม่พอ หนี้สินก็เยอะอีก (ก็แหงสิ เงินทุนมีจำกัด ไปรับงานซะกี่แสนล้าน มันก็ต้องกู้เงินน่ะ)
ล่าสุดเพิ่งทำการเพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์ไป
นี่คือสิ่งที่ผ่านมาในอดีต

แล้วอนาคตล่ะ ??

อิตาเลียนไทย มีโครงการสานฝันสู่อนาคตหลักๆตอนนี้ที่นับได้สามโครงการถ้วน

โครงการที่หนึ่ง    ทวายโปรเจ็ค





อันนี้ศึกษาดูแล้วไม่ไหว  ออกแนว แป้ก !! ครับ

ตอนแรก บริษัท กะกินเรียบ ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก นิคมอุสาหกรรม แล้วเก็บเงินสัมปทาน
กินยาวตลอดหลายสิบปี  ปัญหาคือ ไม่มีสตังค์น่ะสิ เพราะพม่า ไม่ลงเงินลงทองช่วยเลยสักนิด
ให้ ITD ควักกระเป๋าอย่างเดียวมานาน แต่ให้สิทธิ์สัมปทานคืน เป็นการตอบแทน

ฝันที่เคยหวาน ก็กลับหวนสู่ความจริง


เมื่อมีรัฐบาลญี่ปุ่นเข้ามาแจมเค้ก S&P
ญี่ปุ่นเข้ามาทำท่าเรือน้ำลึุก ที่เมืองหลวงเก่าของพม่า ชื่อว่าท่าเรือติวาลา 
ห่างเมืองย่างกุ้ง 25 กิโลเมตร เอง
 มีทั้งเงิน มีทั้งกลยุทธ์ และใกล้แล้วเสร็จละด้วยเปิดปี 58


 ITD หนาวมาก  ติดดอย !! ทันที  ลงเงินลงแรงไปกับ ทวายตั้งเยอะ
จากแหล่งข่าว แจ้งว่าลงเงินไป  6-7 พันล้านบาทแล้ว
ตอนนี้ยังไม่มีรายรับเข้ามาเลย เพราะยังไม่เสร็จ

 ITD มุขแป้ก....รอบนี้พอทำท่าว่าจะไปไม่รอด จึงหันมาหาความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย
ทำความร่วมมือแบบG to G , Goverment to Goverment  โดยมีกลยุทธ์ใหม่คือ
เปิดรับผู้ลงทุนร่วม

ITD ก็จะขอแจมทุกการลงทุนขอถือหุ้นประมาณ 25% แทน ไม่กำไรก็ขอขาดทุนลดลง -  -

ดีลนี้จาก 100 % ลดเหลือ 25 %ไม่นับเงินที่ลงไปก่อนหน้า

ในส่วนรูปแบบการลงทุน คือ จัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ(SPV)
ในลักษณะที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนขึ้นในประเทศไทย



ไทยถือหุ้นในเอสพีวีทั้งหมดร้อยละ 50
ส่วนหุ้นที่เหลือจะเป็นของสหภาพเมียรมาร์และญี่ปุ่นตามลำดับ
โดยในฝ่ายรัฐบาลไทยถือหุ้นร้อยละ 26 จากหุ้นทั้งหมดร้อยละ 51
 ส่วนที่เหลือเป็นของบริษัทอิตาเลียนไทย (25%)
สามารถถือเท่าไหร่ก็ได้แต่ไม่เกินร้อยละ 25
 ส่วน SPV จะทำหน้าที่เป็น Holding  company ที่จะมีนิติบุคคลย่อยๆอีก 8 บริษัท

เงินลงทุนในโครงการท่าเรือ 3 พันล้านบาท
เขื่อน  3 พันล้านบาท
ที่พักอาศัย 200 ไร่ มูลค่า 4.5  พันล้านบาท
โครงการในนิคม 4-5 พันล้านบาท
รวมลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

โครงการที่สอง    บริหารจัดการน้ำ 5 โมดูล






โครงการน้ำจากรัฐบาลไทยมูลค่า 2.9 แสนล้าน
ITD คว้างานมาทำได้ประมาณ 1.1 แสนล้าน

(จากงบประมาณเดิมคาดว่าใช้เงิน 3.5 แสนล้าน เหลือทำจริง ประมาณ 2.9 แสนล้าน)

กิจการร่วมค้า ไอทีดี พาวเวอร์ ไชน่า เจวี  (ITD POWER CHINA JV.) ชนะการประมูล 5 โมดูล ดังนี้

โมดูลที่ A1 การสร้างอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืนในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง, ยม, น่าน, สะแกกรัง และป่าสัก ให้ได้ความจุเก็บกัก 1.3 ล้าน ลบ.ม. วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

โมดูลที่ A2 การจัดทำผังการใช้ที่ดิน / การใช้ประโยชน์ที่ดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อมพื้นที่ชุมชนและเศรษฐกิจหลัก สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา  วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท

โมดูลที่ A4 การปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลักและการป้องกันการกัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำ ในพื้นที่แม่น้ำยม, น่าน และเจ้าพระยา ระยะเวลา 5 ปี วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท

โมดูลที่ B1 การจัดทำผังการใช้ที่ดิน/การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อมชุมชนและเศรษฐกิจหลักพื้นที่ 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท

โมดูลที่ B3 การปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และการป้องกันการกัดเซาะตลิ่งพื้นที่ 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 5,000 ล้านบาท

 รวมงาน 5 โมดูล  เป็นเงิน 1.1 แสนล้านบาท  ต่อระยะเวลา 5 ปี

กิจการร่วมค้า ไอทีดี พาวเวอร์ ไชน่า เจวี เป็นบริษัทกิจการร่วมค้าไทย-จีน ประกอบด้วย 6 บริษัท
คือ ไอทีดี พาวเวอร์ ไชน่า เจวี
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
บริษัท พาวเวอร์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น ออฟ ไชน่า
บริษัท ไชน่า เก๋อโจวบ๋า กรุ๊ป
บริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล วอเตอร์ แอนด์ พาวเวอร์ คอร์เปอเรชั่น
และบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์


การที่มีบริษัทที่ปรึกษา อย่างบริษัทปัญญา คอนซัลท์ มาแจมด้วยเพราะอย่างนี้ครับ
สัญญาในโครงการนี้คือสัญญาแบบ Design-Build 
ซึ่งคนออกแบบ กับคนก่อสร้าง คือคนๆเดียวกัน
คือออกแบบไปด้วย ก่อสร้างสร้างไปด้วย   ทำแบบไปสร้างไป
ซึ่ง Deal นี้ผมให้ผลเป็นบวกในแง่ของกำไร  เพราะการทำการก่อสร้างแบบ Design-Build  
จะมีกำไรมหาศาลและไม่มีวันขาดทุน  เพราะอะไร

เพราะเมื่อเจอปัญหาอุปสรรคอะไร สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ ได้เองตลอดเวลา
ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเปลี่ยนให้ก่อสร้างได้ง่ายๆไว้ก่อน และเลือกรูปแบบการก่อสร้างที่ราคาถูกๆ
แทน  แต่ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่

ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงก็มี เช่นค่าเวนคืน กำหนดตายตัวไม่ได้ และ ต้องเวนคืนที่ดิน 4-5 หมื่นไร่ทีเดียว
แต่ความเสี่ยงก็จะถูกลดลงได้ จากการเปลี่ยนแบบด้วยเทคนิคการ Design-Build เพียงเล็กน้อย
เท่านั้นเอง

แนวฝั่งตะวันตกที่บริษัทออกแบบ จะขุดคลองใหม่ขนาดความกว้าง 120 เมตร มีถนนขนาด 4 ช่องจราจรขนาบอยู่ 2 ข้าง ความยาวประมาณ 400 กิโลเมตร ต้องเวนคืนพื้นที่ประมาณ 40,000-50,000 ไร่ ส่วนใหญ่ตัดผ่านที่นา และจำเป็นต้องรื้อย้ายบ้านเรือนเล็กน้อยกระจายตามจุดต่าง ๆ โดยเส้นทางจะรับน้ำจากพื้นที่เหนือ จ.นครสวรรค์ ไล่ลงมาพาดผ่าน จ.อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มาออกแม่น้ำแม่กลอง จ.สมุทรสาคร และลงอ่าวไทย

โครงการที่สองนี้ผมให้กำไรสุทธิเยอะหน่อย 10% ขึ้นไปเพราะเหตุผลข้างต้น
แต่ต้องรอไปก่อน 1-2 ปี เพื่อทำประชาพิจารณ์ให้แล้วเสร็จ




โครงการที่สาม    โมซัมบิคโปรเจ็ค

อิตาเลียนไทยประสบความสำเร็จในการประมูลงานที่ประเทศโมซัมบิค
จำนวนเงินมูลค่างาน 2 – 3 แสนล้านบาท
เป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง 500 กิโลเมตร และสร้างท่าเรือขนาดใหญ่






































ประเทศโมซัมบิค มีเมืองหลวงชื่อว่ากรุงมาปูโต (Maputo) เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าสำคัญ
ในเมืองเดียวกัน ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศ
และมีเมืองท่าที่สำคัญอื่น ได้แก่ เมือง Beira, Nacala และ Quelimane

ปกติการก่อสร้างทางรถไฟ ถ้าหากจะให้มีกำไรเยอะ  ต้องอยู่ในพื้นที่ราบ
เพราะว่าสร้างง่ายกว่า ทางชันและทางภูเขา ซึ่งกำไรอาจจะหมดไปกับอุปสรรคที่จะเกิด
ในระหว่างก่อสร้าง

ซึ่งตามแหล่งข่าวก็ไม่ได้ระบุว่าสร้างทางรถไฟจากเมืองไหนไปเมืองไหน

แต่พอจะคาดได้ว่า ทางรถไฟ จะเชื่อมระหว่างเมืองสำคัญแน่นอน




ข้อมูลด้านงานรถไฟของบริษัท  ITD

อิตาเลียนไทยได้เป็นบริษัทฯ แรกที่เข้าดำเนินการในการสร้างทางรถไฟแบบรางคู่
โดยร่วมมือกับบริษัทโคจิเฟอร์ ซึ่งเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการวางราง
และร่วมกันผลิตประแจสับหลีกคุณภาพสูงใช้ในประเทศ และส่งออกชิ้นส่วน

ไปยังประเทศฟิลิปปินส์, อียิปต์, อิสราเอล, อังกฤษ, นอร์เวย์ และฟินด์แลนด์
ส่งออกประแจครบชุดไปยังประเทศสิงคโปร์,มาเลเซีย,ฮ่องกง และไต้หวัน

บริษัทฯ มีโรงงานผลิตหมอนคอนกรีตชนิดพิเศษที่ใช้ในการวางรางรถไฟในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา และออสเตรเลีย ณ อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังรับติดตั้งรางรถไฟของระบบรถไฟฟ้าBTS  ซึ่งเป็นโครงการรถไฟลอยฟ้าโครงการแรกของประเทศไทย
งานวางรางรถไฟฟ้าของเมืองบังกาลอร์ประเทศอินเดีย และงานวางรางพร้อมระบบเครื่องกลไฟฟ้า




เมื่อดูจากสภาพภูมิประเทศ ทางตอนใต้จะเป็นที่ราบลุ่ม และทางตอนเหนือของประเทษโมซัีมบิค
จะเป็นภูเขา และจากระยะทาง 500 กิโลเมตร อาจจะเป็นทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองหลวงอย่าง
กรุง Maputo  และเมือง Beira ก็ได้

ซึ่งก็จะเป็นเส้นทางรถไฟที่เป็นที่ราบ กำไรที่ได้รับคาดว่าจะดี
ส่วนอีกโครงการก่อสร้างอีกอันหนึ่ง นั้นก็คือ ท่าเรือขนาดใหญ่ ซึ่งก็เป็นโครงการที่ ITD
ถนัดช่ำชองยิ่งนัก



ข้อมูลด้านงานก่อสร้างท่าเรือของบริษัท  ITD

บริษัทฯ เป็นผู้นำในด้านงานรับเหมาก่อสร้างทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นการขุดลอกร่องน้ำ  งานทำเขื่อนกันคลื่น  และการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก
ซึ่งบริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่จะกล่าวได้ว่า

เป็นบริษัทของคนไทยบริษัทแรกที่มีประสบการณ์ในด้านการก่อสร้างท่าเรือพานิชย์ขนาดใหญ่ของเมืองไทย
เพื่อรองรับโครงการพัฒนาชายฝั่งตะวันออก ซึ่งมีความสามารถในการขนถ่ายสินค้า
 และสามารถรองรับได้ทั้งเรือคอนเทนเนอร์  เรือภายในประเทศ  เรือสินค้าเกษตร และเรือบริการ  พร้อมติดตั้งระบบสาธารณูปโภคอย่างครบครัน


เนื่องจากในอดีตเคยก่อสร้างท่าเรือมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
  -  ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง  จ. ชลบุรี
  -  ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด  จ. ระยอง
  -  ก่อสร้างท่าเทียบเรือขนถ่าย LNG บาหลี

ดังนั้น สรุึปว่าโครงการ โมซัมบิคโปรเจ็ค  นี้น่าจะส่งผลบวกอย่างมากต่อ ITD

ซึ่งผมยังไม่ทราบรายละเอียดสัญญาว่ามีอายุกี่ปีและมีวิธีการจ่ายเงินอย่างไร
แต่ประมาณการคร่าวๆ โครงการระดับนี้ไม่น่าจะสร้างนานกว่า 3-4 ปี

คาดการณ์กำไรที่ 10% (ให้เยอะเพราะเป็นงานที่ถนัด ทำอยู่ประจำ มีโรงงานเป็นของตัวเอง)
ก็จะมีกำไรประมาณ 2.5 ถึง 3 หมื่นล้านบาท ในห้วงระยะเวลา 3-4 ปี

เฉลี่ยก็จะมีกำไรต่อปีอยู่ในช่วงประมาณ   6000 - 10000 ล้านบาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น  1.43 - 2.38 บาท
ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี  2557 - 2559


เอาล่ะ มาถึงส่วนของวิเคราะห์รายได้และกำไรอนาคตกันบ้าง

                                                                                                                          หน่วย:ล้านบาท


















โครงการทวาย ผมไม่สามารถคิดรายได้และกำไรออกมาได้จริงๆจังๆนัก
จึงขอตั้งเป็นตัวเลขแบบว่า ใช้หลักการเดา ล้วนๆ จากพื้นฐานของการเป็นไปได้

โครงการจัดการน้ำผมให้รายได้และกำไรเป็นค่าเฉลี่ยต่อระยะเวลาตามสัญญา 5 ปี
เช่นเดียวกันกับโครงการก่อสร้างที่โมซัมบิค
ซึ่งตัวเลขเหล่านี้อาจจะปรับขึ้น หรือ ลดลงก็ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะหนีจากค่าเฉลี่ยเท่าไรนัก

จากข่าวในปีนี้ 2556  มีการคาดการณ์ว่า อิตาเลียนไทย จะมีรายได้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
และจะเป็นกำไรอยู่ประมาณ 1.8 พันล้านบาท   คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 3%

ส่วนปี 2557-2559 (ไม่นับงานเก่าจากแบ๊คล็อกในมือ)
 ITD จะมีกำไร 1 หมื่นล้านบาท
มาจากโครงการที่ประเทศโมซัมบิค ซึ่งเป็นงานก่อสร้าง ทางรถไฟและท่าเรือที่บริษัทถนัด
คิดเป็นกำไร 2.38 บาทต่อหุ้น  แต่เมื่อพ้นหลังจากปี 2559 ไปแล้ว  ถ้าหากไม่มีงานใหม่ๆ
มูลค่าสูงเข้ามาเพิ่มเติม  กำไรต่อหุ้นจะลดลงเหลือเพียง 0.48 บาทต่อหุ้น

สรุป

อิตาเลียนไทย  มีงานในมือค่อนข้างมาก หลายแสนล้านบาท ในห้วงระยะเวลา 3-5 ปี นับจากนี้
ทั้งเป็นงานโครงการที่ควรมีกำไรและไม่ควรมีกำไรปะปนกันไป
แต่มูลค่าของงาน ที่มีความน่าจะเป็นว่า จะมีกำไรค่อนข้างดีนั้น มีมูลค่างานอยู่สูงทีเดียว
เมื่อหักลบกันแล้ว โอกาสกำไรก็จะมีสูงกว่า

โครงการที่อิตาเลียนไทยถนัดคือ งานถนน ทางรถไฟ  ท่าเรือและ สนามบิน
ซึ่ง งานถนน ท่าเรือและทางรถไฟ อิตาเลียนไทยก็ได้ทำแล้ว (โครงการจัดการน้ำ โครงการทวาย
และโครงการโมซัมบิค)
มีแนวโน้มมาก ที่จะได้งาน 2 ล้านล้านบาท ไม่มากก็น้อย
 ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าโครงการในบริษัทให้มากขึ้นอีก


ปัญหาอย่างแรก ซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงไหม แต่ให้นักลงทุน ระมัดระวัง และฟังหูไว้หู

คือ ITD มีบริษัทที่ถือครองอยู่ บริหารแยก เพื่อสร้างความร่ำรวยส่วนตัว ให้แก่..................
คือ บริษัทอิ............  ว่ากันว่า ของจากต้นทุน 5 บาท ก็ขายราคา 10บาทได้
โดยไม่ต้องมีการต่อราคา เพื่อเอากำไรส่วนต่าง
ดังนั้น กำไรของ ITD ก็จะไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น แต่ บริษัทอิ..... จะกำไรมากแทน

ปัญหาอย่างที่สองที่คาดว่าจะเิกิดคือเรื่องเงินทุน งานก่อสร้างมูลค่ามหาศาลนับแสนๆล้าน
หากไม่ได้รับเงินล่วงหน้า
 (โดยทั่วไป10-20% ของมูลค่าสัญญาโดย ITD ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินล่วงหน้า นี้ไว้)

ซึ่งถ้าหากจะต้องกู้เงินเพิ่ม เพื่อมาดำเนินกิจการ กำไรที่คาดการณ์ไว้ ก็ต้องลดลงเป็นธรรมดา
แต่ถ้าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่  มีการร่างในสัญญาว่ามีเงินล่วงหน้าจ่ายให้ก่อน
ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สินต่อทุนเยอะได้ และโอกาสกำไรก็สูงขึ้น



ถ้ามีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรื่องของ ITD ก็จะอัพเดทให้ต่อใน
หน้า Page ใน facebook  ก็แล้วกันนะครับ

สำหรับวันนี้ ขอลาไปก่อน  สวัสดีครับ













3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ27 กรกฎาคม 2556 เวลา 03:08

    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระครับ ^^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ27 กรกฎาคม 2556 เวลา 06:48

    ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์มาก

    ตอบลบ
  3. ประวัติยาวจังคะ. กรุณาอย่าเพิ่งลบคะ. พรุ่งนี้จะอ่านคะ. ขอบคุณคะ

    ตอบลบ